วันที่ 14 ธันวาคม 2565 เวลา 09.00 -12.00 น. นางสาวศิริพร กันธิยะ นายอำเภอนาหมื่น พร้อมด้วยผู้บริหาร คณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก โรงพยาบาลนาหมื่น สำนักงานสาธารณสุขอำเภอนาหมื่น และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ ได้ออกให้บริการตรวจคัดกรองร่างกาย ตรวจวัดอุณหภูมิ ซักประวัติ และเจาะหมู่เลือด ข้าราชการ ผู้นำชุมชน อสม. และประชาชนที่มาร่วมบริจาคโลหิต ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอนาหมื่น ซึ่งวันนี้เหล่ากาชาดจังหวัดน่าน โรงพยาบาลน่าน กิ่งกาชาดนาน้อย นาหมื่น ร่วมกับ อำเภอนาหมื่น ได้ออกหน่วยให้บริการรับบริจาคโลหิต ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 โดยในวันนี้มีผู้มาร่วมบริจาคโลหิต จำนวน 90 คนได้โลหิตจำนวนทั้งสิ้น 31,500 ซีซี
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.00-12.00 น. นางสาวศิริพร กันธิยะ นายอำเภอนาหมื่น พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง เทศบาลบ่อแก้ว สภ.นาหมื่น ปศุสัตว์อำเภอ เกษตรอำเภอ สัสดีอำเภอ พัฒนาชุมชน ท้องถิ่นอำเภอ กศน. การไฟฟ้านาหมื่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อส.อ.นาหมื่น ทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สสอ.นาหมื่น และ รพ.นาหมื่น ได้ลงพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านปง ตำบลบ่อแก้ว จัดกิจกรรมโครงการอำเภอยิ้มเคลื่อนที่ ณ อาคารหอประชุมวัดพงษ์ มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ จัดบริการประชาชนจากหน่วยงาน ต่างๆ บริการตรวจคัดกรองระดับน้ำตาลในกระแสเลือด แบบไม่อดอาหาร (เจาะแบบสุ่ม) การรณรงค์การคัดแยกขยะ และการจัดทำถังขยะเปียก บริการตัดผมให้กับประชาชน การมอบถุงยังชีพ และยาสามัญประจำบ้าน การประชุมหัวหน้าส่วนราชการเพื่อรับฟังปัญหา-ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ .... โดยในวันนี้มีจำนวนผู้ได้รับการคัดกรองระดับน้ำตาลทั้งหมด 30 ราย พบกลุ่มเสี่ยง 12 ราย มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จำนวน 136 คน
...ทั้งนี้ขอขอบคุณ อสม.บ้านปง ที่ได้ร่วมคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงปีนี้ ระมัดระวังอุบัติเหตุการจมน้ำ เนื่องจากข้อมูลย้อนหลังช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตเฉพาะในวันลอยกระทงมากถึง 60 ราย จึงขอเน้นย้ำมาตรการ “ไม่เมา ไม่เก็บ ไม่ปล่อยเด็กตามลำพัง”
วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2565) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันลอยกระทงในปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 8 พ.ย. 65 ซึ่งรัฐบาลอนุญาตให้จังหวัดต่างๆ สามารถจัดงานเทศกาลลอยกระทงได้ เพื่อเป็นการสืบสานประเพณี ขอขมาพระแม่คงคา และเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตได้ โดยสถานการณ์การจมน้ำในช่วงวันลอยกระทง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2564) จากข้อมูลมรณบัตร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าวันลอยกระทงวันเดียว มีคนจมน้ำเสียชีวิต 60 คน เฉลี่ยปีละ 12 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงหลังวันลอยกระทงเพียง 1 วัน ของแต่ละปี จะพบว่ามีการจมน้ำเสียชีวิตสูงมากกว่าวันลอยกระทงถึง 1-2 เท่า กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 45-59 ปี (ร้อยละ 30) เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี (ร้อยละ 14) เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงเกือบ 5 เท่า ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดการจมน้ำในช่วงลอยกระทงที่พบบ่อยคือ การดื่มสุรา การลงไปเก็บเงินในกระทง และการปล่อยให้เด็กลอยกระทงหรืออยู่ใกล้แหล่งน้ำตามลำพัง ซึ่งจากข้อมูลในระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บแห่งชาติ ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าผู้บาดเจ็บจากการจมน้ำและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ถึง ร้อยละ 15
นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเน้นย้ำมาตรการสำหรับประชาชนในการป้องกันการจมน้ำ ช่วงลอยกระทง คือ “ไม่เมา ไม่เก็บ ไม่ปล่อยเด็กตามลำพัง” ไม่เมา คือ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงวันลอยกระทง ไม่เก็บ คือ ไม่แนะนำให้ลงน้ำไปเก็บเหรียญในกระทง เพราะน้ำเย็นอาจทำให้ตะคริวเสี่ยงจมน้ำได้ ไม่ปล่อยเด็กตามลำพัง ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เมื่อพาเด็กไปลอยกระทง ไม่ปล่อยเด็กให้คลาดสายตา เพราะเพียงแค่ชั่วพริบตา เด็กอาจตกน้ำได้ (เด็กสามารถจมน้ำได้แม้ระดับน้ำเพียง 1-2 นิ้ว) และการป้องกันสำหรับหน่วยงานหรือพื้นที่จัดงาน คือ 1.กำหนดพื้นที่สำหรับจัดงานลอยกระทงอย่างชัดเจน เว้นระยะห่าง มีแสงสว่างเพียงพอ มีรั้วหรือสิ่งกั้นขวาง ป้องกันการพลัดตกน้ำ 2.จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยคนตกน้ำ จมน้ำ ไว้บริเวณแหล่งน้ำเป็นระยะ เช่น ห่วงชูชีพ ถังแกลลอน เชือก ไม้ 3.สำหรับการเดินทางทางน้ำ ต้องจัดเตรียมเสื้อชูชีพให้เพียงพอต่อผู้โดยสาร และให้มีการสวมใส่ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง 4.จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลสอดส่อง และช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินตลอดระยะเวลาการจัดงาน นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชน หากเข้าไปในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด ให้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจ